ฝึกทักษะ Softskills ด้วยความรู้ ทางจิตวิทยา วิทยาศาสตร์ งานวิจัย เทคนิค วิธีการต่างๆ คำคมพลังบวก คำคมคนดัง แคปชั่นเด็ดๆ แคปชั่นทำงาน เพื่อการพัฒนาตนเอง

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ความฉลาดทางอารมณ์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ความฉลาดทางอารมณ์ แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2566

สร้างความฉลาดทางอารมณ์ได้อย่างไร

สร้างความฉลาดทางอารมณ์ได้อย่างไร

    
        ชีวิตในการทำงานนั้น นอกจากการมีทักษะทางวิชาชีพที่แข็งแกร่งแล้ว หลายคนมักมองข้ามปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้มากขึ้น นั่นก็คือ ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) ซึ่งถือว่ามีบทบาทสำคัญมากในยุคปัจจุบัน ที่ผู้คนทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาการถูก AI เข้ามาทำงานแทนที่ ดังนั้น การพัฒนา Soft Skill ด้านความฉลาดทางอารมณ์ จะเป็นอีกหนึ่งหนทาง ที่ช่วยให้คุณมีความสามารถในการบริหารจัดการด้านอารมณ์ความรู้สึกกับตัวเอง และคนอื่น ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

รู้หรือไม่ ปัจจุบันนี้ มีผู้นำจำนวนมาก กำลังเรียนรู้และพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเป็นผู้นำซึ่งเชื่อว่าความฉลาดทางอารมณ์คือประตูสู่ความสำเร็จของผู้ประกอบการ - Forbes -

            มีข้อเท็จจริงหนึ่งที่เราไม่อาจปฏิเสธได้คือ เราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่บนโลกนี้ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจาก "ความสัมพันธ์" ลองจินตนาการดูว่า หากคุณอยู่คนเดียวบนโลกจริงๆ คุณก็ไม่จำเป็นต้องสื่อสารกับใคร ไม่ต้องทะเลาะกับใคร ไม่ต้องปรับตัวเพื่อใครเลย ใช่มั้ยครับ แต่เรื่องจริงคือ เราคือมนุษย์ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม และเพื่่อที่เราจะเอาตัวรอดและอยู่ร่วมกับสังคมได้นั้น จึงเป็นเหตุผลสำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องเรียนรู้ และพัฒนาด้านความฉลาดทางอารมณ์ เสริมความฉลาดให้เรารู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง มีสติ และเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น

วิธีสร้างความฉลาดทางอารมณ์

วิธีสร้างความฉลาดทางอารมณ์

  1. มีความตระหนักรู้ในตนเอง😁 😈😒: การรับรู้ถึงอารมณ์และการตอบสนองทางอารมณ์ของตนเอง จะสามารถพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ ของคุณได้อย่างมาก เมื่อใดที่คุณรู้สึกกังวลหรือโกรธ และคุณสามารถรู้เท่าทันถึงอารมณ์ของตัวเองได้ จะช่วยให้คุณประมวลผลและ ควบคุมการสื่อสาร ก่อนที่จะแสดงความรู้สึกเหล่านั้นออกมาได้ดียิ่งขึ้น เพื่อปรับปรุงการรับรู้ของคุณ ให้คุณหมั่นสังเกตตัวเอง ทุกครั้งที่คุณรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่รุนแรง ลองจดบันทึกเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกนั้น เพื่อให้คุณเข้าใจสาเหตุที่ทำให้เกิดอารมณ์นั้นๆได้ และหาวิธีในการจัดการต่อไป
  2. มีความตระหนักรู้ในผู้อื่น 👪: การรับรู้ได้ถึงอารมณ์และความรู้สึกของผู้อื่น ทำให้คุณสามารถปรับพฤติกรรม และ การสื่อสารเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ คุณสามารถฝึกฝนการตระหนักรู้ในผู้อื่นด้วยการสังเกตอาการ หรือ สอบถามพวกเค้าว่ารู้สึกอย่างไร เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณกำลังให้ความสำคัญกับปฏิกิริยาของพวกเขาเป็นอันดับแรก 
  3. ฟังอย่างตั้งใจ 👂: มนุษย์เราใช้การสื่อสารทั้งทางวาจาและอวัจนภาษา ขณะที่เรารับฟัง ควรตั้งใจและสังเกตปฏิกิริยาของคู่สนทนา ที่เกิดขึ้นทั้งด้านบวกและด้านลบ เปิดโอกาสและใช้เวลาฟังผู้อื่น ลดการพูดแทรก ตัดบท จะแสดงถึงความเคารพ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน เพื่อแสดงว่าคุณตั้งใจฟัง ลองถามคำถาม พยักหน้าหรือพูดย้ำประเด็นสำคัญๆ เพื่อแสดงว่าคุณเข้าใจสิ่งเหล่านั้น คุณสามารถลองพยายามจินตนาการว่าตนเองอยู่ในตำแหน่งของผู้พูด เพื่อที่คุณจะได้เข้าใจว่า คุณจะรู้สึกอย่างไรหากตกอยู่ในสถานการณ์ของพวกเขา เพิ่มความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นได้มากขึ้น 
            การสร้างความฉลาดทางอารมณ์ หากเริ่มต้นด้วยความเห็นอกเห็นใจ เข้าใจว่าผู้อื่นรู้สึกและคิดอย่างไร ซึ่งการเอาใจใส่ไม่ได้เป็นเพียงการทำดีต่อผู้คนรอบตัวคุณเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่นได้อีกด้วย

ข้อมูลอ้างอิง
Share:

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2565

EQ ความฉลาดทางอารมณ์ 5 ประการ ของ Daniel Goleman สู่การเป็นผู้นำที่ดีขึ้น

ความฉลาดทางอารมณ์

    ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) คือ ความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของเราเองและอารมณ์ของผู้อื่น

        นักจิตวิทยา Daniel Goleman เป็นผู้คิดค้นคำศัพท์นี้ขึ้นในปี 1995 ในหนังสือขายดีเด่นของเขาเรื่อง 'Emotional Intelligence: Why It Can Matter More Than IQ.' ตั้งแต่นั้นมา การศึกษาจำนวนมากได้ค้นพบว่า EQ เป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดสำหรับความเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ

        คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์ไม่เพียงแต่รู้วิธีจัดการกับอารมณ์ของตนเองเท่านั้น แต่ยังรู้ว่าอารมณ์ของตนส่งผลต่อผู้อื่นอย่างไร ดังนั้นจึงควรปฏิบัติตามเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมทางสังคม

        โกลด์แมนกล่าวว่าความฉลาดทางอารมณ์ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 5 ส่วน ได้แก่ การตระหนักรู้ในตนเอง การเอาใจใส่ แรงจูงใจ ทักษะทางสังคม และการควบคุมตนเอง ยิ่งคุณจัดการเรื่องเหล่านี้ได้ดีเท่าไร คุณก็จะมีความฉลาดทางอารมณ์มากขึ้นเท่านั้น ต่อไปนี้คือ 5 วิธีที่ความฉลาดทางอารมณ์สามารถทำให้คุณเป็นผู้นำที่ดีขึ้นได้

★ 1.การตระหนักรู้ในตนเองที่ดีขึ้น (Better Self-Awareness)

        เป็นการยากที่จะเข้าใจคนรอบข้างเมื่อคุณไม่เข้าใจตัวเอง โกลด์แมนให้เหตุผลว่าการตระหนักรู้ในตนเองเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของความฉลาดทางอารมณ์ เพราะจะช่วยให้คุณสามารถปรับเข้ากับอารมณ์ของคุณ คุณเห็นคุณค่าในตัวเอง และมีความชัดเจนเกี่ยวกับจุดแข็งและจุดอ่อนส่วนบุคคลของคุณ เมื่อคุณเห็นคุณค่าในตัวเอง คุณให้คุณค่ากับผู้อื่น และพนักงานมักจะทำให้ดีที่สุดเมื่อพวกเขารู้สึกว่ามีคุณค่า

★ 2.เป็นผู้นำด้วยความเห็นอกเห็นใจ (Lead with Empathy)

        หากคุณต้องการได้รับประโยชน์สูงสุดจากทีมของคุณ ให้เป็นผู้นำด้วยความเอาใจใส่ ผู้นำที่เอาใจใส่สามารถประเมินสถานการณ์จากมุมมองของคนอื่นได้ พวกเขามีความสามารถในการรู้สึกถึงอารมณ์ของผู้อื่นซึ่งจะทำให้พวกเขารู้สึกเข้าใจ คนส่วนใหญ่ไม่ชอบนำปัญหามาสู่ที่ทำงาน พวกเขาอาจมีเรื่องส่วนตัวหลายอย่าง แต่สำหรับผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ จะสามารถปรับให้เข้ากับอารมณ์ของผู้อื่นได้

★ 3.แรงจูงใจที่เพิ่มขึ้น (Increase Motivation)

        คนที่ฉลาดทางอารมณ์มีความสามารถในการกระตุ้นตัวเอง พวกเขามีแรงผลักดันส่วนตัวที่แข็งแกร่งที่ทำให้พวกเขามุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายและพัฒนาตนเอง พวกเขามองโลกในแง่ดีและยืดหยุ่น และมองอุปสรรคเป็นโอกาสแทนที่จะเป็นอุปสรรค แรงจูงใจนี้ส่งผลต่อทีม และพนักงานมีแนวโน้มที่จะทำงานอย่างสุดความสามารถ

★ 4) ทักษะทางสังคมที่ดีขึ้น (Better Social Skills)

        องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของทักษะทางสังคมคือการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เป็นคุณลักษณะที่จำเป็นในการเป็นผู้นำเพราะพวกเขาจำเป็นต้องรู้วิธีสื่อสารวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ขององค์กรให้กับพนักงานในลักษณะที่กระตุ้นให้พวกเขาทำตาม นอกจากนี้ยังมีความหลากหลายด้านบุคลิกภาพในที่ทำงาน และผู้จัดการที่ดีต้องสามารถปรับรูปแบบการสื่อสารให้เหมาะกับบุคลิกของแต่ละคนได้

★ 5) การควบคุมตนเองที่ดีขึ้น (Better Self-Regulation)

        บุคคลที่ควบคุมตนเองได้นั้น จะตัดสินใจตามอารมณ์ของตนเอง พวกเขามีเหตุผล สงบ และวัดผลได้มาก พวกเขาคิดก่อนพูดและควบคุมตนเองในระดับสูงตลอดเวลา นอกจากนี้ พวกเขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจัดการความเครียด ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นในสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

        ผู้นำที่เครียด เท่ากับเราได้แรงงานที่เครียด เมื่อผู้นำไม่สามารถจัดการกับความเครียดของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะเกิดผลกระทบต่องาน ซึ่งความเครียดในที่ทำงานเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่วิธีจัดการนั้นจะเป็นตัวกำหนดว่าสิ่งนั้นเหมาะกับคุณ ผู้นำที่ตะโกนใส่พนักงานเมื่อเกิดความผิดพลาด เป็นการทำลายวัฒนธรรมขององค์กร ผู้นำจะสูญเสียความเคารพในการจัดการ ที่ทำงานจะกลายเป็นพิษและส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน แต่ผู้นำที่มีระบบการจัดการความเครียดจะได้รับความไว้วางใจและความเคารพจากพนักงาน

          สุดท้ายนี้ หากคุณรู้สึกว่าจำเป็นต้องพัฒนาทักษะความฉลาดทางอารมณ์ มีหลายวิธีที่คุณสามารถทำได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการฝึกสติเพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกของคุณให้ดีขึ้น เพื่อให้คุณสามารถควบคุมอารมณ์ด้านลบของคุณ ซึ่งจะทำให้อารมณ์เหล่านี้ทำงานแทนคุณได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถสร้างความมั่นใจในตนเองได้ ความไม่มั่นคงมักเกิดจากความผิดหวังในตนเอง การฝึกสติยังช่วยให้คุณเข้าถึงส่วนต่างๆ ที่คุณจำเป็นต้องรู้ ในขณะที่คุณตัดสินใจอย่างมีสติเพื่อจัดการกับจุดอ่อนของคุณ ระดับความมั่นใจของคุณจะเพิ่มขึ้น และความฉลาดทางอารมณ์ของคุณก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

Reference

https://www.forbes.com/sites/goldiechan/2022/08/22/5-ways-emotional-intelligence-can-make-you-a-better-leader/?sh=34c72ccd90cc

Share: