ฝึกทักษะ Softskills ด้วยความรู้ ทางจิตวิทยา วิทยาศาสตร์ งานวิจัย เทคนิค วิธีการต่างๆ คำคมพลังบวก คำคมคนดัง แคปชั่นเด็ดๆ แคปชั่นทำงาน เพื่อการพัฒนาตนเอง

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การจัดการเวลา แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การจัดการเวลา แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2566

ดู Zom 100 จบแล้วอยากลาออกจากงานจริงหรอ?

        หนังติดเทรนด์อันดับ #1 Top Movie in Thailand บน Netflix วันนี้ กับหนังแนวหนีซอมบี้ ที่ชวนกระตุกต่อมให้คิดตามได้ตลอดทั้งเรื่อง จนทำให้แอบคิดได้ว่า หลังดูจบเรื่องนี้มีใครอยากตัดสินใจลาออกจากงานประจำอย่าง Tendo Akira พระเอกของเรื่องกันบ้าง

        Akira จากหนุ่มไฟแรง ที่มุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน เมื่อต้องพบกับสภาพการทำงานที่ไม่เป็นเวลา และพฤติกรรมของหัวหน้างานที่น่าเบื่อหน่าย จากสถานที่ทำงานที่คิดว่าเป็นสถานที่แห่งความอบอุ่น ทุกคนมาเจอกันแม้กระทั่งวันหยุด ซึ่งดูแล้วน่าจะสดใสนั้น ที่จริงแล้วเป็นที่ที่มืดมิดชัดๆ ทำให้ Akira นั้นหมดไฟในการทำงานไปภายในปีเดียว

        Akira เจ้าหน้าที่แผนก Production โฆษณา ต้องพบเจอกับการทำงานโต้รุ่งกัน 2 วันติดเลย ทำให้ไร้เรี่ยวแรงในการทำงานต่อไป

        วัฒนธรรมของการโหมงานหนักในญี่ปุ่น ส่งผลให้เกิดภาวะคน ทำงานหนักจนตายเรียกว่า “โรคคาโรชิ” (Karoshi) สาเหตุจากการทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ เครียด อ่อนเพลีย จนเกิดความผิดปกติต่อร่างกายและอารมณ์ นำไปสู่การเสียชีวิตในที่สุด

        ตัวผมเองเคยเจอปัญหาการทำงานที่ไม่เป็นเวลาเหมือนกันครับ แต่มาในรูปแบบของโทรศัพท์ของลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาในวันหยุด ซึ่งสร้างความหงุดหงิดให้กับชีวิตตลอด 8 ปีที่ผ่านมา จัดว่าเป็นปัญหาที่น่าเบื่อแต่ต้องรับมือครับ เพราะตอนนั้นยังต้องทำงานกันต่อไปเหมือนกับ Akira นี่ล่ะ แต่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งของผมเลยแหละที่อยากออกจากการทำงานที่มีลักษณะงานแบบนี้

        ดังนั้น การบริหารจัดการเวลาในการทำงานของพนักงาน ก็เป็นเรื่องที่องค์กรควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากที่จะมุ่งเน้นเป้าหมายขององค์กรแล้ว เราควรหันมาใส่ใจสภาพการเป็นอยู่ของพนักงานด้วย ว่าได้รับผลกระทบจากเวลาในกาการทำงานมากน้อยเพียงใด

        ประเด็นต่อมาของ Akira คือการรับมือกับหัวหน้างานจอมโหด ที่ออกคำสั่งอย่างดุเดือดพร้อมระเบิดอารมณ์โวยวายเสียงดังใส่ ถึงอย่างนั้น Akira เอง ก็ยังรู้สึกว่าโชคดีแค่ไหน ที่บริษัทนี้รับเค้าเข้าทำงาน และเค้าเองก็ไม่กล้าตัดสินใจที่จะลาออก

        อ้างอิงจากงานวิจัยของ Gallup แพลตฟอร์มเพื่อใช้แบบสำรวจพนักงาน ที่ได้การยอมรับจาก HR ทั่วโลก จัดสำรวจวัยทำงานในสหรัฐฯ 7,000 คน และพบว่า 50% ของพนักงานที่เคยลาออก ออกเพราะต้องการจะหนีจากหัวหน้า

        ผมเชื่อว่าหาก HR ได้ดูหนังเรื่องนี้ จะสามารถตัดคลิป บางช่วงบางตอน ไปใช้ในการอบรม Soft Skills ให้กับหัวหน้างาน ในเรื่องของภาวะผู้นำ และการสื่อสารในองค์กร ซึ่งจะช่วยลดปัญหา การลาออกของพนักงานใหม่ไฟแรง ที่มีความสามารถสูง แต่ถูกสกัดดาวรุ่ง เพียงเพราะพฤติกรรมแย่ๆ ของหัวหน้างาน

ฉากนี้ผมดูแล้วหม่นหมองมากเลย Arika พูดว่า

        . "อยากให้ไม่มีที่กั้นจังเลย"

        .

        . "ถ้าไม่มีพวกนี้ละก้อ"

        .

        . "จะได้มีข้ออ้างไม่ไปทำงานในวันพรุ่งนี้ได้"

        .

        นี่คือสิ่งที่เราควรได้รับจากการทำงานหรอ ? ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้..... แต่เสียดายที่มันมีจริง และมันจะน่าเสียใจกว่านี้ ถ้าเกิดขึ้นกับคุณ หรือ คนที่คุณรู้จัก

        เรื่องเดินทางมาถึงจุดสมมุติว่า ถ้าวันหนึ่งคนตายกลายเป็น Zombie โดย Akira เป็นคนที่รอดชีวิต และไม่ต้องทำงานอีกต่อไป Akira จะทำอะไรต่อไป

        มีเหตุการณ์หนึ่งที่ Akira ไม่สามารถช่วยเหลือรุ่นพี่สาว จากการเป็น Zombie ได้ ในระหว่างที่เค้ากำลังนั่งคิดเสียใจอยู่ เสียงหนึ่งของรุ่นพี่สาวคนนั้นก็ดังก้องขึ้นว่า "พวกเราทั้งนั้น ต่างก็ลืมกันหมดแหละ ว่าเราอยากทำอะไรจริงๆ"

        ตรงนี้เป็นจุดที่ผมสนใจมาก และอยากให้เพื่อนๆ ลองคิดตามนะครับ ว่า ณ วินาทีนี้ เราได้ทำอะไรได้ตามความต้องการที่แท้จริงของเราบ้าง หรือ ต้องรอให้ถึงเวลาใกล้ตาย แล้วค่อยทำ

        ผมเคยกลัวมากและไม่กล้าที่จะลาออกจากงานเก่า เพราะคิดว่าที่นั่นมั่นคง และ ปลอดภัย ผมทำงานได้ดี ไม่มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน แต่ผมไม่ชอบลักษณะการทำงาน และ เงื่อนไขของการทำงาน และอยากเขียนใบลาออกวันละล้านรอบ

        จุดที่กล้าตัดสินใจ คือ ผมไม่อยากกลายเป็น Zombie ครับ (Zombie = คนตายทั้งเป็น สำหรับผม) ผมอยากเป็นคนที่ได้ตัดสินใจว่าตัวเองจะทำอะไร อยากทำอะไร และ ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีรายได้ที่ดีเท่าเดิม แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกว่าผมสบายใจกว่าเดิม และไม่เสียใจเลย ที่ตัดสินใจแบบนั้น

        Akira เอง ก็ไม่เคยคิดเหมือนกัน ว่าที่แท้จริงแล้ว ตัวเองอยากทำอะไรกันแน่ นำไปสู่การ List เป้าหมาย "ร้อยสิ่งที่อยากทำ ก่อนกลายเป็นซอมบี้"

        นี่เป็นเป็นอีก 1 เครื่องมือง่ายๆ สำหรับการใช้ Soft Skills ด้านการจัดการเวลา เพื่อบริหารเป้าหมายให้สำเร็จ ด้วยการใช้ To do list ครับ

        To do list คือการแจกแจง สิ่งที่จะทำ ที่อยู่ในสมองออกมาเป็นที่ละหัวข้อ เพื่อให้เราเห็นภาพของเป้าหมายชัดเจนมากขึ้น เมื่อเราอ่านสิ่งที่เขียน ก็จะพบว่าอะไร คือ สิ่งที่ควรหรือไม่ควรทำ อยากหรือไม่อยาก กันแน่ และเมื่อทำเสร็จแล้ว ก็ขีดฆ่าแรงๆ ไป 1 ที เพราะนี่คือความสำเร็จตามเป้าหมายของเรานั่นเอง

        มี Application บนมือถือมากมายเลยครับ ที่มีลักษณะการทำงานแบบ To do list ซึ่งที่ผมใช้งานเป็นประจำ คือ Google calendar ครับ สามารถ Add Task งานออกมาเป็น List ที่เราต้องทำในแต่ละวัน, เดือน, ปี ได้ สามารถตั้ง Repeat ให้กับงานที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เพื่อให้ผมไม่หลงลืมได้ เช่น การจ่ายค่าน้ำไฟ, บัตรเครดิต และที่สำคัญ ผมมักจะกำหนดสิ่งที่อยากทำลงไปด้วย เมื่อผมมองเห็น ผมจะได้ไม่ลืมเป้าหมายของผมนั่นเอง

        1 ใน "ร้อยสิ่งที่อยากทำ ก่อนกลายเป็นซอมบี้" ของ Akira คือ การเปลี่ยนสีผม

เป็นอีก 1 ฉากที่ผมชอบครับ Akira ได้ลองเปลี่ยนสีผม ไป 2 ครั้ง และ สุดท้ายก็กลับมาที่สีเดิม ก็สีดำปรกติ

        สิ่งที่อยากทำ มันอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่คิดไว้เสมอไป แต่ขอให้ได้ลองทำก่อน จะได้รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ ซึ่งก็ยังดีกว่า ตายกลายเป็น Zombie ไปก่อน แล้วไม่ได้ลองทำ

        กลับมาที่เรื่องลาออกจากงานครับ ผมก็คิดแบบนี้แหละ อยากลาออกจากพนักงานประจำ ที่ทำงานแล้วมีโอกาสได้อยู่กับครอบครัวเพียงเดือนละ 4 วัน เปลี่ยนไปทำสวนผลไม้ เพราะชอบปลูกต้นไม้ ชอบเห็นการเจริญเติบโต และที่สำคัญได้อยู่กับครอบครัวที่มีลูกสาววัย 4 ขวบด้วย

        ปรากฎว่ารายได้หายลงไปครึ่งนึงครับ แต่ผมกลับรู้สึกว่า ชีวิตผมมีความสุขมากกว่าเดิม ยอมรับว่าสังคมหายไป เพราะไม่ค่อยได้เจอผู้คน แอบเหงาๆบางเวลา แต่สิ่งที่ได้มาเมื่อชั่งน้ำหนักแล้ว ผมกลับพอใจ และ ยังไม่อยากกลับไปเป็นพนักงานบริษัทในตอนนี้

        และเพื่อนๆละครับ หลังดู Zom 100 จบ คิดเห็นอย่างไร ยังอยากลาออกจากงานประจำที่ต้องเจอกับสภาพการทำงานและหัวหน้างานยอดแย่อยู่หรือไม่ หรือ อยากออกมาใช้ชีวิตตามความต้องการของตัวเอง ลองใช้ Soft Skill จัดการเวลา หยิบเครื่องมือ To do List มาเขียนซัก 100 ข้อ ดูซิว่าชีวิตนี้ ได้ทำตามที่ตัวเองต้องการมาแล้วกี่ข้อ แล้วมาร่วมแชร์ประสบการณ์ให้ฟังกันด้วยนะครับ


Reference :

- ภาพประกอบจาก Netflix

- Workpointtoday (2022) : https://shorturl.asia/WYEM6

- Positioning (2023) : https://shorturl.asia/OZLDV

Share:

วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2565

จัดการเวลานอนอย่างไร เพิ่มประสิทธิภาพให้งาน

บริหารเวลานอน

★ การนอนให้เพียงพอ สำคัญขนาดไหน

        รู้หรือไม่ครับว่า การพักผ่อนด้วยการนอนหลับที่ไม่เพียงพอนั้นส่งกระทบต่อร่างกายและจิตใจ คุณอาจรู้สึกอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ ขาดสมาธิ ลุกลามไปจนถึงภาวะในการควมคุมอารมณ์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเพื่อนร่วมงานได้ ในขณะเดียวกันนั้น อาการง่วงระหว่างวัน อาจเป็นสาเหตุสู่การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อีกด้วย 

        อ้างอิงบทความจาก คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รายงานว่าหากคุณนอนหลับไม่เพียงพอ ในระยะยาวสุขภาพของคุณ เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองและโรคอ้วน

        ผลกระทบด้านงาน ในระดับผู้ป่วยจากการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอนั้น จะทำให้คุณไม่มีสมาธิในการทำงาน ความจำที่เปลี่ยนแปลง กระบวนการคิดและการตัดสินใจในการทำงานลดลง โดยเฉพาะงานที่ส่งผลโดยตรงต่อการนอนที่ไม่เป็นเวลา ควรใส่ใจเรื่องการจัดสรรเวลานอนให้มีคุณภาพมากขึ้น

        ทักษะการจัดการเวลา (Time Management) บางคนอาจจะมองว่าเป็นการจัดสรรเวลา จัดลำดับความสำคัญเฉพาะเนื้องานเพียงอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงความสำคัญในเรื่องเวลาพักผ่อนในแต่ละวันว่าเพียงพอหรือไม่ ซึ่งทำให้การพักผ่อนนั้นไม่ได้อยู่ในแผนชีวิตของใครบางคน

        สำหรับบทความนี้ SoftSkills365 อยากนำเสนอมุมมองของการใช้ทักษะ Time Management เพื่อจัดการเวลาอันมีค่าในชีวิตของทุกคน เพราะเราทุกคนต่างได้เวลาเท่าๆกันในทุกๆวัน แต่เรามักจะไม่วางแผนว่าจะใช้เวลาไปกับอะไร และอะไรกันแน่ที่เป็นสิ่งสำคัญที่เราควรแบ่งเวลาอย่างเหมาะสม  ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเราเอง

💥 Hilight : วันที่ 18 มีนาคม ของทุกๆ คือวันนอนหลับโลก (The World Association of Sleep Medicine)

★ อะไรที่ทำให้นอนไม่หลับ
  • สภาพแวดล้อม เสียงรบกวน และ แสงสว่าง จะทำให้ยากต่อการนอนหลับ
  • อารมณ์เชิงลบ ความเครียด ความวิตกกังวล 
  • การรับประทานอาหาร ที่มากเกินไป หรือ อาหารที่มีคาเฟอีน ก่อนเข้านอน
  • ลักษณะของงานที่ส่งผลต่อการนอนที่ไม่เป็นเวลา เช่น การเข้าเวรกะดึก 
  • การตื่นตัวหลังจากการออกกำลังกายก่อนนอน 

 💥 Hilight : Slogan วันนอนหลับโลกปี 2022 คือ Quality Sleep, Sound Mind, Happy World.

นอนแค่ไหนถึงมีคุณภาพ

  • สำหรับเด็กแรกเกิดต้องการนอนมากกว่า 10-16 ชั่วโมง
  • เด็กวัยเรียน 8-10 ชั่วโมง 
  • วัยทำงาน 7-8 ชั่วโมง
  • วัยสูงอายุ อย่างน้อย 7 ชั่วโมง
ปรับพฤติกรรมการอย่างไร เพิ่มคุณภาพให้การนอน
  • ทุกวัน แนะนำให้ เข้านอน และ ตื่นนอนให้เป็นเวลา จนเป็นนิสัย
  • ไม่เกิน 30 นาที สำหรับการงีบหลับระหว่างวัน และไม่ควรเกิดขึ้นหลังบ่ายสามโมง
  • 4 ชั่วโมง ก่อนเข้านอน ให้หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหนัก และ อาหารที่ผสมคาเฟอีน
  • 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน ให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย
  • 1 ชั่วโมงก่อนนอน ควรเป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น การอ่านหนังสือ ฟังเพลงสบายๆ ไม่ตื่นเต้น
★ นอนอย่างมีคุณภาพ ช่วยเรื่องงานได้อย่างไร
  • ด้านอารมณ์ (Emotional) การพักผ่อนอย่างเพียงพอ ทำให้คุณมีสภาพจิตใจ และอารมณ์ดีขึ้น มีส่วนช่วยในการควบคุมอารมณ์ในที่ทำงาน มีสติ ลดภาวะการกระทบกระทั่งกับเพื่อนร่วมงานได้ จะเป็นผลดีในแง่ของความสัมพันธ์ภายในองค์กร
  • ประสิทธิภาพ (Performance) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ในผู้ใหญ่ขณะที่นอนหลับ ร่างกายจะผลิต Growth Hormone จะช่วยรักษาซ่อมแซมเซลล์สมอง เพื่อรักษาความจำ ส่งเสริมการรับรู้ และ ความจำที่ดีขึ้น และคงจะดีไม่น้อย ถ้าคุณเป็นหัวหน้าที่จำชื่อลูกน้องได้ทุกคน หรือ เป็นพนักงานที่รับคำสั่งจากเจ้านายได้อย่างไม่ตกหล่น
  • สุขภาพ (Health) แน่นอนว่าเมื่อสุขภาพดี ไร้โรค คุณจะพร้อมรับมือกับการทำงานที่ดีขึ้น คงไม่โอเคซักเท่าไหร่หากเรามาทำงาน 3 วัน ลาป่วย 2 วัน จากสาเหตุการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ  

Reference

www.med.cmu.ac.th

www.bangkokbiznews.com

www.hfocus.org

www.rajavithi.go.th

Share:

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2565

พนักงานมักทำอะไรระหว่างการประชุม ผู้นำยุคใหม่ต้องรู้ทัน

👉 การประชุมที่ยืดเยื้อ ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายและขาดการมีส่วนร่วมในการประชุม เวลาที่ยาวนานจะเกินไป ส่งผลให้พนักงานไม่มีสมาธิที่จะจดจ่ออยู่กับเนื้อหาของการประชุม ซึ่งงานวิจัย การใช้เวลาสำหรับการประชุมในที่ทำงาน ปี 2022 จาก livecareer.com ได้เปิดเผยถึงกิจกรรมที่พนักงานทำระหว่างการประชุม โดยนำเสนอผ่านข้อมูลสถิติการทำงานดังนี้

Highlight : 75% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ยอมรับว่าไม่ได้ใส่ใจระหว่างการประชุม

คนชอบทำอะไรระหว่างประชุม

👎 และนี่คือสิ่งที่พวกเขาทำแทน

39% อ่านข่าวบนอินเทอร์เน็ต

38% ท่องโซเชียลมีเดีย 

38% อ่านหนังสือ

35% ช็อปออนไลน์

32% สนทนาทางข้อความกับเพื่อน

31% เล่นเกมออนไลน์/มือถือ

28% ทำงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับงาน

27% วาดรูป

👩 สำหรับผู้หญิงบ่อยที่สุดคือ การช้อปปิ้งออนไลน์ เพื่อความบันเทิงระหว่างการประชุม 

👨 สำหรับผู้ชาย : มักเลือกที่จะอ่านข่าวมากที่สุด

👉 ข้อมูลนำเสนอนี้จะช่วยกระตุ้นให้ผู้จัดการ ผู้นำการประชุมทั้งหลายตระหนักถึงการให้ความสำคัญของการพัฒนาทักษะ Soft Skills ด้านการจัดการบริหารเวลา (Time Management) เพื่อจะไม่ละลายเวลาอันมีค่า เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการดังกล่าวข้างต้น

💪 Upgrade Soft Skills : Time Management 

  • ประชุมครั้งนี้ จำเป็นหรือไม่? ตอบ...
  • เชิญเฉพาะผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
  • กำหนดหัวข้อประชุมให้ชัดเจน
  • กำหนดเวลาการประชุม (ใช้เวลาแค่ไหนให้เวิร์ค)
  • เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าประชุม
  • ต้องมีผู้นำการประชุม

👉 Tips : หากเราถูกเชิญเข้าประชุม ให้ดูว่ามีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเรา หรือต้องการความคิดเห็นจากเราหรือไม่ ถ้าพิจารณาแล้ว ก็แนะนำว่าให้ปฏิเสธการเข้าประชุม จะไม่เสียเวลาไปเปล่าประโยชน์ เพราะไม่อย่างนั้นเราอาจเข้าไปนั่งโง่ๆ และหาอะไรทำระหว่างการประชุม

Reference

https://www.livecareer.com/resources/careers/planning/workplace-meetings-2022-statistics

https://www.officemate.co.th/blog/productive-meeting/

Share:

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2565

ใช้เวลาเท่าไหร่ในการประชุมในที่ทำงานให้เวิร์ค

สถิติคนใช้เวลาในการประชุม

ต้องประชุมไปถึงกี่โมง !!!

👉 เราคงเคยได้ยินกันบ่อยๆถึงเสียงบ่นของการเข้าประชุมที่สุดแสนจะยาวนาน แต่ได้ข้อสรุปไม่ถึง 20% ของทั้งหมด และการประชุมที่ยาวนานเกินไปนั้น เกิดข้อเท็จจริงที่ว่าสมาชิกที่เข้าร่วมประชุม ไม่มีสมาธิหรือหลุดไปจากเนื้อหาการประชุมแล้ว ซึงความผิดพลาดเหล่านี้ชี้ให้ถึงการที่ผู้นำการประชุมขาดทักษะ Soft Skills ด้านการบริหารจัดการ (Time Management) เวลานั่นเอง

Highlight : พนักงานโดยเฉลี่ยมีการประชุม 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และพนักงานแต่ละคนใช้เวลา 4 ชั่วโมงในการเตรียมตัวประชุมในแต่ละครั้ง รวมเฉลี่ย 12-15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์   

👉 เปิดดูข้อมูลสถิติการใช้เวลาการประชุมในที่ทำงานปี 2022 จาก livecarrer.com ได้รายงานถึง ช่วงเวลาเท่าใดกว่าที่ผู้คนจะเริ่มไม่สนใจในเนื้อหาของการประชุม

  1. น้อยกว่า 10 นาที จำนวน 9 %
  2. หลังจาก 20-30 นาที จำนวน 43%
  3. หลังจาก 30-40 นาที จำนวน 30%
  4. หลังจาก 40-50 นาที จำนวน 14%
  5. หลังจาก 1 ชม.ขึ้นไป จำนวน 4%
👉 ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบครึ่งแสดงความเห็นว่า 20-30 นาที เป็นเวลาที่เพียงพอแล้วในการประชุม ที่จะสามารถมาสมาธิได้ และเมื่อถึง 50 นาทีขึ้นไป การประชุมจะเริ่มสูญเสียความสนใจจากผู้เข้าประชุมถึง 96% 

Highlight การประชุมที่ไม่ก่อผลมีค่าใช้จ่ายประมาณ 37 พันล้านดอลลาร์ต่อปี และเสียเวลาทำงาน 24 พันล้านชั่วโมง

💪 Upgrade Soft Skills : Time Management

👉 ท่านผู้จัดการ หัวหน้างาน หรือผู้นำการประชุมทั้งหลาย สามารถนำข้อมูลนี้ใช้เพื่อพัฒนาทักษะผู้นำ Soft Skills ด้านการบริหารจัดการเวลา ในการวางแผนกำหนดระยะเวลา และควบคุมการประชุม ไม่ให้ยืดเยื้อยาวนานจนเกินไป

Reference

https://www.livecareer.com/resources/careers/planning/workplace-meetings-2022-statistics

Share: