ฝึกทักษะ Softskills ด้วยความรู้ ทางจิตวิทยา วิทยาศาสตร์ งานวิจัย เทคนิค วิธีการต่างๆ คำคมพลังบวก คำคมคนดัง แคปชั่นเด็ดๆ แคปชั่นทำงาน เพื่อการพัฒนาตนเอง

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ทักษะผู้นำ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ทักษะผู้นำ แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2565

EQ ความฉลาดทางอารมณ์ 5 ประการ ของ Daniel Goleman สู่การเป็นผู้นำที่ดีขึ้น

ความฉลาดทางอารมณ์

    ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) คือ ความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของเราเองและอารมณ์ของผู้อื่น

        นักจิตวิทยา Daniel Goleman เป็นผู้คิดค้นคำศัพท์นี้ขึ้นในปี 1995 ในหนังสือขายดีเด่นของเขาเรื่อง 'Emotional Intelligence: Why It Can Matter More Than IQ.' ตั้งแต่นั้นมา การศึกษาจำนวนมากได้ค้นพบว่า EQ เป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดสำหรับความเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ

        คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์ไม่เพียงแต่รู้วิธีจัดการกับอารมณ์ของตนเองเท่านั้น แต่ยังรู้ว่าอารมณ์ของตนส่งผลต่อผู้อื่นอย่างไร ดังนั้นจึงควรปฏิบัติตามเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมทางสังคม

        โกลด์แมนกล่าวว่าความฉลาดทางอารมณ์ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 5 ส่วน ได้แก่ การตระหนักรู้ในตนเอง การเอาใจใส่ แรงจูงใจ ทักษะทางสังคม และการควบคุมตนเอง ยิ่งคุณจัดการเรื่องเหล่านี้ได้ดีเท่าไร คุณก็จะมีความฉลาดทางอารมณ์มากขึ้นเท่านั้น ต่อไปนี้คือ 5 วิธีที่ความฉลาดทางอารมณ์สามารถทำให้คุณเป็นผู้นำที่ดีขึ้นได้

★ 1.การตระหนักรู้ในตนเองที่ดีขึ้น (Better Self-Awareness)

        เป็นการยากที่จะเข้าใจคนรอบข้างเมื่อคุณไม่เข้าใจตัวเอง โกลด์แมนให้เหตุผลว่าการตระหนักรู้ในตนเองเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของความฉลาดทางอารมณ์ เพราะจะช่วยให้คุณสามารถปรับเข้ากับอารมณ์ของคุณ คุณเห็นคุณค่าในตัวเอง และมีความชัดเจนเกี่ยวกับจุดแข็งและจุดอ่อนส่วนบุคคลของคุณ เมื่อคุณเห็นคุณค่าในตัวเอง คุณให้คุณค่ากับผู้อื่น และพนักงานมักจะทำให้ดีที่สุดเมื่อพวกเขารู้สึกว่ามีคุณค่า

★ 2.เป็นผู้นำด้วยความเห็นอกเห็นใจ (Lead with Empathy)

        หากคุณต้องการได้รับประโยชน์สูงสุดจากทีมของคุณ ให้เป็นผู้นำด้วยความเอาใจใส่ ผู้นำที่เอาใจใส่สามารถประเมินสถานการณ์จากมุมมองของคนอื่นได้ พวกเขามีความสามารถในการรู้สึกถึงอารมณ์ของผู้อื่นซึ่งจะทำให้พวกเขารู้สึกเข้าใจ คนส่วนใหญ่ไม่ชอบนำปัญหามาสู่ที่ทำงาน พวกเขาอาจมีเรื่องส่วนตัวหลายอย่าง แต่สำหรับผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ จะสามารถปรับให้เข้ากับอารมณ์ของผู้อื่นได้

★ 3.แรงจูงใจที่เพิ่มขึ้น (Increase Motivation)

        คนที่ฉลาดทางอารมณ์มีความสามารถในการกระตุ้นตัวเอง พวกเขามีแรงผลักดันส่วนตัวที่แข็งแกร่งที่ทำให้พวกเขามุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายและพัฒนาตนเอง พวกเขามองโลกในแง่ดีและยืดหยุ่น และมองอุปสรรคเป็นโอกาสแทนที่จะเป็นอุปสรรค แรงจูงใจนี้ส่งผลต่อทีม และพนักงานมีแนวโน้มที่จะทำงานอย่างสุดความสามารถ

★ 4) ทักษะทางสังคมที่ดีขึ้น (Better Social Skills)

        องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของทักษะทางสังคมคือการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เป็นคุณลักษณะที่จำเป็นในการเป็นผู้นำเพราะพวกเขาจำเป็นต้องรู้วิธีสื่อสารวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ขององค์กรให้กับพนักงานในลักษณะที่กระตุ้นให้พวกเขาทำตาม นอกจากนี้ยังมีความหลากหลายด้านบุคลิกภาพในที่ทำงาน และผู้จัดการที่ดีต้องสามารถปรับรูปแบบการสื่อสารให้เหมาะกับบุคลิกของแต่ละคนได้

★ 5) การควบคุมตนเองที่ดีขึ้น (Better Self-Regulation)

        บุคคลที่ควบคุมตนเองได้นั้น จะตัดสินใจตามอารมณ์ของตนเอง พวกเขามีเหตุผล สงบ และวัดผลได้มาก พวกเขาคิดก่อนพูดและควบคุมตนเองในระดับสูงตลอดเวลา นอกจากนี้ พวกเขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจัดการความเครียด ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นในสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

        ผู้นำที่เครียด เท่ากับเราได้แรงงานที่เครียด เมื่อผู้นำไม่สามารถจัดการกับความเครียดของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะเกิดผลกระทบต่องาน ซึ่งความเครียดในที่ทำงานเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่วิธีจัดการนั้นจะเป็นตัวกำหนดว่าสิ่งนั้นเหมาะกับคุณ ผู้นำที่ตะโกนใส่พนักงานเมื่อเกิดความผิดพลาด เป็นการทำลายวัฒนธรรมขององค์กร ผู้นำจะสูญเสียความเคารพในการจัดการ ที่ทำงานจะกลายเป็นพิษและส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน แต่ผู้นำที่มีระบบการจัดการความเครียดจะได้รับความไว้วางใจและความเคารพจากพนักงาน

          สุดท้ายนี้ หากคุณรู้สึกว่าจำเป็นต้องพัฒนาทักษะความฉลาดทางอารมณ์ มีหลายวิธีที่คุณสามารถทำได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการฝึกสติเพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกของคุณให้ดีขึ้น เพื่อให้คุณสามารถควบคุมอารมณ์ด้านลบของคุณ ซึ่งจะทำให้อารมณ์เหล่านี้ทำงานแทนคุณได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถสร้างความมั่นใจในตนเองได้ ความไม่มั่นคงมักเกิดจากความผิดหวังในตนเอง การฝึกสติยังช่วยให้คุณเข้าถึงส่วนต่างๆ ที่คุณจำเป็นต้องรู้ ในขณะที่คุณตัดสินใจอย่างมีสติเพื่อจัดการกับจุดอ่อนของคุณ ระดับความมั่นใจของคุณจะเพิ่มขึ้น และความฉลาดทางอารมณ์ของคุณก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

Reference

https://www.forbes.com/sites/goldiechan/2022/08/22/5-ways-emotional-intelligence-can-make-you-a-better-leader/?sh=34c72ccd90cc

Share:

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2565

ใช้เวลาเท่าไหร่ในการประชุมในที่ทำงานให้เวิร์ค

สถิติคนใช้เวลาในการประชุม

ต้องประชุมไปถึงกี่โมง !!!

👉 เราคงเคยได้ยินกันบ่อยๆถึงเสียงบ่นของการเข้าประชุมที่สุดแสนจะยาวนาน แต่ได้ข้อสรุปไม่ถึง 20% ของทั้งหมด และการประชุมที่ยาวนานเกินไปนั้น เกิดข้อเท็จจริงที่ว่าสมาชิกที่เข้าร่วมประชุม ไม่มีสมาธิหรือหลุดไปจากเนื้อหาการประชุมแล้ว ซึงความผิดพลาดเหล่านี้ชี้ให้ถึงการที่ผู้นำการประชุมขาดทักษะ Soft Skills ด้านการบริหารจัดการ (Time Management) เวลานั่นเอง

Highlight : พนักงานโดยเฉลี่ยมีการประชุม 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และพนักงานแต่ละคนใช้เวลา 4 ชั่วโมงในการเตรียมตัวประชุมในแต่ละครั้ง รวมเฉลี่ย 12-15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์   

👉 เปิดดูข้อมูลสถิติการใช้เวลาการประชุมในที่ทำงานปี 2022 จาก livecarrer.com ได้รายงานถึง ช่วงเวลาเท่าใดกว่าที่ผู้คนจะเริ่มไม่สนใจในเนื้อหาของการประชุม

  1. น้อยกว่า 10 นาที จำนวน 9 %
  2. หลังจาก 20-30 นาที จำนวน 43%
  3. หลังจาก 30-40 นาที จำนวน 30%
  4. หลังจาก 40-50 นาที จำนวน 14%
  5. หลังจาก 1 ชม.ขึ้นไป จำนวน 4%
👉 ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบครึ่งแสดงความเห็นว่า 20-30 นาที เป็นเวลาที่เพียงพอแล้วในการประชุม ที่จะสามารถมาสมาธิได้ และเมื่อถึง 50 นาทีขึ้นไป การประชุมจะเริ่มสูญเสียความสนใจจากผู้เข้าประชุมถึง 96% 

Highlight การประชุมที่ไม่ก่อผลมีค่าใช้จ่ายประมาณ 37 พันล้านดอลลาร์ต่อปี และเสียเวลาทำงาน 24 พันล้านชั่วโมง

💪 Upgrade Soft Skills : Time Management

👉 ท่านผู้จัดการ หัวหน้างาน หรือผู้นำการประชุมทั้งหลาย สามารถนำข้อมูลนี้ใช้เพื่อพัฒนาทักษะผู้นำ Soft Skills ด้านการบริหารจัดการเวลา ในการวางแผนกำหนดระยะเวลา และควบคุมการประชุม ไม่ให้ยืดเยื้อยาวนานจนเกินไป

Reference

https://www.livecareer.com/resources/careers/planning/workplace-meetings-2022-statistics

Share: